วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ได้เวลาออกแบบเกม

เมื่อเย็นวาน มูนนัดกับพี่เปี๊ยกที่ฟู๊ดเซนเตอร์ โรบินสันลาดหญ้า

ความตั้งใจของมูนคืออยากให้เริ่มลองมองตลาดในประเทศดู เพราะตลาดต่างประเทศนั้นต้องรอต้น ก็ประสานงานกับต้นไปเรื่อยๆ ดิวความคืบหน้ากันไปเรื่อยๆๆ แต่ระหว่างนั้นพวกเราสามารถที่จะเิริ่มตลาดในประเทศไปได้พร้อมๆ กัน

การทำตลาดต่างประเทศสำหรับพวกเราตอนนี้ จะว่าไปก็เหมือนกับการชวนเพื่่อนมาเล่นเกม และเป็นเกมที่เพื่อนเป็นตัวหลักในเกม เรียกว่าเพื่อนพร้อมเมื่อไหร่พวกเราก็จะได้เริ่มเล่นกันเสียที แต่ถ้าเพื่อนยังไม่พร้อมหรือยังไม่อยากเล่น เราก็ต้องรออยู่ต่อไปจนกว่าเพื่อนจะพร้อม และการชวนใครมาเ่ล่นเกมนั้นสิ่งที่สำคัญคือไม่ใช่เราไปเพียงแค่บอกเค้าว่า เกมนี้สนุกนะ มาเล่นด้วยกันสิ รับรองว่าสนุกมากๆๆๆ แต่ถ้าเพื่อนคิดว่าเขายังมีสิ่งที่สำคัญมากกว่าการมาเล่นเกม เขาก็จะฟัง สนใจ แต่อาจจะยังไม่สามารถร่วมเล่นได้ อีกทั้งเกมของเราก็ยังมีกฎ กติกา มารยาทที่ต้องคอยอธิบายให้เพื่อนฟัง เพราะเป็นเกมใหม่ที่เพื่อนยังต้องมานั่งทำความเข้าใจกันอีกพักใหญ่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของมุมมองและความรู้สึกในการเล่น Wealth Game ในการทำธุรกิจจริง บนโลกแห่งความจริงที่มิใช่เพียงในสนามหรือในกระดานเกม

แต่ถ้าเราเล่นเกมนี้แล้วสนุกกับเกม ทำให้เพื่อนเห็นว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เล่นเกมอะไรอยู่ ทำไมมันถึงได้มีความสุขและเกิดการพัฒนาขึ้น นั่นแหละจะเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้เขาเข้ามาร่วมเกมได้มากกว่าการไปเพียงแค่นั่งบอกกล่าว

เมื่อเด็กๆ เล่นเกมอย่างสนุกสนาน เพื่อนที่นั่งข้างๆ ก็จะขอเข้าร่วมเล่นเกมนั้นด้วยเสมอ



ดังนั้นอย่ากระนั้นเลย เราหันกลับมาเล่นเกมในแบบที่เราถนัดและสามารถเริ่มต้นเล่นได้เลยดีกว่า

มูนจึงคุยในภาพรวมคร่าวๆ ของตลาดภายในประเทศตามที่มูนคิดไว้คือการฝากขายตามร้านค้า โดยได้อธิบายโครงสร้างคร่าวๆ ของทีมงานและฝ่ายต่างๆ รวมถึงการแบ่งแยกงานและมองภาพผลตอบแทนประมาณการคร่าวๆ นอกจากนั้นยังมองไปถึงการเพิ่ม Product เข้ามาในอนาคต เพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายโดยที่วิ่งทีเดียว พร้อมกับการวางโครงสร้างหากเกิดการขยายตัวขึ้น เราจะค่อยๆ ถ่ายงานให้กับผู้อื่นพร้อมๆ กับที่ตัวเองค่อยๆ ถอยออกมา มองให้เห็นถึงเปอร์เซ็นต์ของผลตอบแทนที่ลดลง แต่กลับมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น

พี่เปี๊ยกเห็นด้วยว่าสิ่งที่มูนคุยให้ฟังนั้นมันน่าจะเป็นไปได้ ดูน่าสนุกและสามารถทำไำ้ด้เลย แต่ต้องมีข้อมูลมากกว่านี้และต้องไปคุยกับนัฎถึงรายละเอียดทั้งหมด อีกทั้งใช้เงินทุนเยอะพอสมควร จะต้องมองหาผู้ที่อยู่ในทีมลงเงินนี้ด้วย ซึ่งมูนเห็นด้วยกับการต้องมีข้อมูลเพื่อวางแผนให้มากกว่านี้ (ข้อเท็จริง --> วางแผน --> ผลลัพธ์ --> ข้อเท็จจริง.......วนไปเรื่อยๆๆ ตามวงจรแห่งเหตุและผล หรือจะเรียกว่าตามวงจรสินทรัพย์ โดยในที่นี้สินทรัพย์คือธุรกิจข้าวที่กำลังจะทำกัน)


การวาดโครงสร้างคร่าวๆ วางตำแหน่งงาน จะว่าไปมันก็เหมือนกับการออกแบบเกม ตัวเดินในเกมแต่ละตัวต้องมีหลักมีหน้าที่ในการเดิน เช่น ในหมากรุกไทย ตัวเบี้ย ม้า เรือ โคน ขุน จะเดินต่างกันมีหน้าที่ต่างกัน ดังนั้นการกำหนดบทบาทหน้าที่ของแต่ละตำแหนงใน Wealth Game ก็เหมือนกับการกำหนดวิธีเดินของเบี้ยแต่ละตัวในหมากกระดาน




และแล้ว....ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะเริ่มออกแบบเกมของเรากันแล้วล่ะ ^o^







วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สิ่งที่มีผลต่ออำนาจการในต่อรอง

มูนเคยถามพี่เปี๊ยกว่า ทำไมถึงยังไม่คุยกับนัฎ(ผู้ผลิต) พี่เปี๊ยกก็บอกว่าเราต้องทำให้ทีมเราแข็งแกร่งก่อน ต้องทำให้ในบ้านแข็งแรงก่อนค่อยออกไปนอกบ้าน....นั่นคือเหตุผลที่เคยได้ยินเมื่อครั้งที่ถามไปตอนนั้น

มาวันนี้ ไปเจอกันที่มาบุญครอง(ทานเอ็มเคกับน้องเอด้วย) พี่เปี๊ยกก็บอกว่าเดี๋ยวแจงจะส่งงานที่ออกแบบมาให้ล่ะ อยากเห็นๆๆ แล้วทีนี้พวกเราจะต้องมานัดคุยพร้อมกันทั้ง 3 คน (พี่เปี๊ยก, ต้น, มุน) ในเรื่องรายละเอียดทั้งหมด ข้อมูล ขั้นตอนการดำเนินการต่างๆ แล้วไปคุยกับนัฎอีกทีหนึ่ง

พี่เปี๊ยกบอกว่าเราต้องมีข้อมูลเพียงพอ เซอร์เวย์ตลาด (และตอนนี้ก็มีผู้สนใจในตัวสินค้าด้วย) ก่อนที่จะไปคุยกับผู้ผลิต เพราะถ้าเราเข้าไปแบบไม่มีอะไรเลย มันก็เหมือนกับตัวอะไรไม่รู้ 3 ตัว ไปนั่งวาดฝันคุยในอากาศ ทำให้ไม่มีน้ำหนักในการคุยกับนัฎ แต่ถ้าเรามีข้อมูลเพียงพอและยิ่งมีว่าที่ลูกค้าด้วยแล้วละก็อำนาจการต่อรองจะเพิ่มขึ้น

ซึ่งวิธีการคิดลักษณะนี้มูนเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน เคยคิดแต่ว่าต้องหาผู้ผลิตก่อน รู้ราคา แล้วก็ไปหาลูกค้า ซึ่งการทำแบบนี้อำนาจการต่อรองจะไม่มี ผู้ผลิตให้ราคาเท่าใดก็คือราคานั้น แต่สิ่งที่มูนเห็นทีมขายมืออาชีพเค้าทำกันนี้ เค้าสามารถพรีเซ้นท์สินค้าคร่าวๆ ได้ เป็นการเซอร์เวย์ตลาดไปในตัว พร้อมกับหาราคาตลาดได้ก่อนที่จะคุยกับผู้ผลิตด้วยซ้ำไป (ประกอบกับผู้ผลิตมีหลายเจ้าให้เลือกได้ด้วย) ด้วยวิธีการนี้ทำให้ได้ทั้งข้อมูลจริง ได้รู้ความสนใจของลูกค้าจริง สามารถประเมินความต้องการลูกค้าได้ ประเมินยอดการสั่งซื้อได้ด้วย ซึ่งมันจะส่งผลต่ออำนาจในการต่อรองกับผู้ผลิตได้ (แต่ไม่ว่าต่อรองอย่างไรต้องอยู่บนพื้นฐานที่ทุกฝ่าย win-win )

วิีธีนี้มันเป็นวิธีการที่ย้อนศรกับที่มูนเคยเข้าใจมาก่อนจริงๆ นี่ถ้าไม่ได้ร่วมกันทำโครงการนี้ก็คงจะยังคงคิดในแบบเดิมอยู่ไปอีกนานนนนนนน ขอบคุณทุกคนสำหรับบทเรียนอีกบทหนึ่งสำหรับมูนในโครงการนี้ :)


หาข้อมูล ทำการบ้านให้หนัก แสดงความตั้งใจให้เค้าเห็น เพราะมันจะมีผลต่ออำนาจในการต่อรอง

- เปี๊ยก -

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

(แทรก) เรื่องขำๆ

ก่อนที่จะเริ่มโครงการ พี่เปี๊ยกได้มาคุยกับมูนว่าจะใ้ห้ต้นช่วยด้านการตลาดต่างประเทศ
มูนก็ถามออกไปด้วยความเป็นห่วงว่า..."พี่เปี๊ยกรู้จักต้นมานานยัง ???"

พี่เปี๊ยกตอบว่า..."ก็ ก็ รู้จักมาสิบกว่าปี เคยทำงานด้วยกันมา น้องเค้าเก่ง ไว้ใจได้ ไม่ต้องเป็นห่วง"

มูนก็ "อืมๆๆ งั้นก็โอเค"

พอวางหูโทรศัพท์ไป ก็มานั่งนึกถึงตัวเอง เอ่ ... ไปถามพี่เปี๊ยกแบบนั้น แล้วเรารู้จักกันมานานแค่ไหนหว่า นั่งนับนิ้ว 1..2..3..4 เรารู้จักกันมาประมาณ 4 เดือน


4 เดือน ริไปเตือน 10 กว่าปี นั่งขำก๊ากกกกกกกกกกกก เลยอ่ะ

วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

นิมิตหมายที่ดี

เมื่อคืนออนเอ็ม เจอพี่เปี๋ยกบอกว่าเกิดนิมิตหมายที่ดี

มูนก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น พี่เปี๊ยกฝันดีหรือมีเหตุการณ์ประหลาดผิดธรรมชาติหรืออย่างไรถึงว่าเกิดนิมิตหมายที่ดี ก็เลยถามไปว่าเกิดอะไรขึ้น ???

"ต้นโทรมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นบอกว่าเรื่องข้าวที่จะส่งออกนั้นต้องมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างจากทางราชการ ที่ต้องค้นหาข้อมูลก่อน ซึ่งเรื่องนี้ดูแล้วก็น่าจะเป็นเรื่องที่วุ่นวายพอควรเลยล่ะ แต่ที่สำคัญคือน้ำเสียงของต้นนะสิ น้ำเสียงที่ตื่นเต้นเหมือนกับได้พบกับความรู้อะไรใหม่ๆ ที่สนุกและอยากจะค้นหามััน ... นั่นแหละคือนิมิตหมายที่ดี" พี่เปี๊ยกกล่าว

ซึ่งตอนแรกที่ได้ยินต้นพูดว่ามันมีเงื่อนไขที่ต้องหาข้อมูลเพิ่ม ตรงนั้นมันอาจจะออกไป 2 ทางคือ รู้สึกยุ่งยากที่จะต้องมาทำอะไรเพิ่มเติม หรือจะออกมาในทางที่รู้สึกสนใจใคร่รู้อยากศึกษาค้นคว้า ซึ่งต้นออกมาในทางที่สอง ทำให้พี่เปี๊ยกรู้สึกดีใจและสนุกไปกับต้นที่เห็นต้นสนุกกับการหาข้อมูลตรงนี้

ดังนั้นการฝันดีหรือเห็นสิ่งประหลาดใดๆ ที่ใครเขาว่าเป็นลางดีนั้น ก็ยังไม่เท่ากับได้เห็นต้นรู้สึกสนุกกับการทำตรงนี้เลย....นิมิตหมายที่ดีจริงๆๆ


จากวันแรกจนถึงวันนี้ของโครงการ ตัวพี่เปี๊ยกเองก็รู้สึกสนุกและมีความสุขกับ Wealth Game เค้าบอกว่าไม่น่าเชื่อว่าการทำูธุรกิจมันจะสามารถให้ความรู้สึกในแบบนี้ได้ :)


วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

First Step ความหมาย & จุดประสงค์

First Step เป็นชื่อโครงการที่พี่เปี๊ยกคิดขึ้น และได้ให้ความหมายไว้ดังนี้ (ขออนุญาตคัดลอกมาไว้ตรงนี้อีกทีหนึ่ง)

First Step แปลว่า ก้าวแรก

ปิ๊งไอเดีย คำคำนี้ เพราะความหมายดีมาก อยากแบ่งปันเพื่อน ถึงที่มาของคำคำนี้ ว่า..
First Step
คือ ก้าวแรกของมิตรภาพที่ได้รู้จักเพื่อนดีดี
First Step
คือ ก้าวแรกของการทำธุรกิจมุมมองใหม่
First Step
คือ ก้าวแรกของการถ่ายทอดแนวคิด welth game
First Step
และเป็นก้าวแรกของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในอนาคตอันใกล้ อิอิ... คิดบวกๆ แล้วชีวิตจะมีความสุข *_*

ให้มูนเป็นหางเสือ ในการคัดท้าย หากนาวาลำนี้ หลงทิศทางลม
ให้ต้นเป็นใบเรือ ที่แข็งแรง เพื่อโลดแล่นไปตามลำน้ำแห่งความสำเร็จ
ให้เปี๊ยกเป็นกะลาสีเรือ คอยส่องกล้องทางไกล ดูความเคลื่อนไหวของคลื่น ลม

เราจะโตไปด้วยกัน ภายใต้กฎเกณฑ์ กติกา มารยาท ของ welath game สู้ๆ นะ

ความหมายที่พี่เปี๊ยกให้ไว้นั้น มูนเองก็ชอบและเห็นด้วยในความหมายทันทีที่ได้ยินครั้งแรกตอนที่นั่งอยู่ในรถพี่เปี๊ยก (ขณะวิ่งอยู่บนถนนสุรวงศ์เพื่อไป รพ.จุฬา แต่ไม่ถึงซะทีทั้งๆที่ใกล้แค่นั้นเอง....หลงทาง..ประจำ 555)

ที่นี้โครงการของพวกเราก็ได้ความหมายมาล่ะ แต่ยังขาดจุดประสงค์ที่ยังไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ ดังนั้นวันนี้มูนจะขอเขียนจุดประสงค์ของตัวเองก่อน แล้วเดี๋ยวรอพี่เปี๊ยกมาเพิ่มจุดประสงค์ของพี่เปี๊ยกอีกทีหนึ่งละกัน

จุดประสงค์ของมูน

1. นึกสนุก

2. เรียนรู้เพื่อสร้างมิตรภาพกับเพื่อนใหม่ ผ่าน Wealth Game เรียกว่ามีโครงการธุรกิจเป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน

3. อยากให้พี่เปี๊ยกเข้าใจ Wealth Game และหลัก 4x3 ผ่านการทำกิจกรรมร่วมกัน

4. อยากเห็น Wealth Game และหลัก 4x3 สามารถเข้าใจได้ในแบบรูปธรรมมากขึ้น

5. ใช้ Wealth Game เป็นเครื่องมือเรียนรู้เพิ่มขึ้นสำหรับตัวเอง


นี่คือจุดประสงค์ของมูน ว่าแล้วก็รอพี่เปี๊ยกมาเพิ่มจุดประสงค์ซะหน่อย





วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

งานวิชาการ เกษตรแฟร์

เมื่อวานมูนกับพี่เปี๊ยกได้ไปเดินดูงานวิชาการที่เกษตรแฟร์ เพื่อไปหาข้อมูลเกี่ยวกับข้าวกล้องงอก เดินนานจนเมื่อยกันเลยล่ะ แต่พี่เปี๊ยกบอกว่าได้ข้อมูลเยอะมากกกกกก แถมยังมองเห็นลู่ทางการตลาดในประเทศอีกต่างหาก และยังมองไปถึงเกษตรกรด้วย ซึ่งตรงจุดนี้มูนมองไม่เห็นอะไรเลย (ฮา)

นอกจากนี้พี่เปี๊ยกยังได้ถ่ายรูป เก็บเอกสารต่างๆ สอบถามงานวิจัยที่เกี่ยวกับข้าวกล้องเพาะงอก รวมถึงเดินสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากร้านค้่า และได้ซื้้อหนังสือข้าวกล้องเพาะงอกไปด้วย พี่เปี๊ยกว่าถ้าจะทำอะไรสักอย่างเราต้องศรัทธาในสินค้าจึงจะขายได้

หากจะขายสินค้าใด เราต้องเข้าใจในสินค้านั้นๆ หาความรู้ เชื่อจนเกิดศรัทธาว่าสินค้าที่เราขายนั้้นดีและมีประโยชน์ต่อลูกค้าจริงๆ แล้วเราจะขายได้แบบเป็นธรรมชาติเพราะเรามั่นใจว่าเราได้นำสิ่งดีๆ ให้กับสังคม

- เปี๊ยก -


แต่งานนี้สงสารพี่เปี๊ยกอ่ะ ลุยงานมาทั้งอาทิตย์ เรียกว่าเห็นหน้าก็รู้ล่ะว่าเหนื่อย แล้วยังต้องมาเดินงานเกษตรแฟร์อีก ซึ่งต้องเดินเยอะมากกกกก เดินไปคุยไป พี่เปี๊ยกก็เดินไปพูดไป เหนื่อยหอบไป เห็นแล้วก็น่าสงสารจริงๆ แต่มันต้องเดินอ่ะ ไม่รู้จะช่วยยังไงดี พอเหนื่อยนักก็ไปพักที่ร้านสเต็กของน้องเศรษฐศาสตร์ซะหน่อย...เฮ้อออ ค่อยยังชั่ว(เดาเสียงในใจพี่เปี๊ยก เพราะเห็นสีหน้าพี่เปี๊ยกตอนนั่งลง 5555)



งานนี้พี่เปี๊ยกมีนัดกับน้องอีกคนหนึ่งชื่อนุช น้องเค้าจะมาแนะนำบริษัทขายตรง A.I-NET พี่เปี๊ยกเลยไปให้ช่วยกันฟังว่ามันเป็นยังไงบ้าง แล้วบอกว่านี่คืออีก 1 ธุรกิจที่เค้าอยากนำมาเล่น Wealth Game

พี่เปี๊ยกบอกว่า First Step ไม่จำเป็นต้องทำแค่ข้าวกล้องอย่างเดียว สามารถทำตัวอื่นได้ด้วย (เห็นม่ะยังไม่ทันได้บอกอะไรแกเลย แต่ทำไมฉลาดนักว้าาา) ดังนั้นจึงอยากจะทำตัวนี้เพิ่มอีกตัวไปพร้อมๆ กันเลย แล้วก็ว่าให้สมัครเพียงโค๊ดเดียวไม่ต้องสมัคร 2 โค๊ด โดยให้ใช้ชื่อมูนในการสมัคร ซึ่งเราบอกว่าเราไม่อยากทำขายตรงแล้ว และตั้งใจไว้ว่าจะไม่ทำแล้วด้วย แกก็บอกว่าเอาน่าค่าสมัครแค่ 250 บาทกับ 1 ธุรกิจลองมาเล่น Wealth Game สำหรับ First Step แล้วแต่ละคนก็ทำในส่วนที่ตัวเองถนัดไป เหมือนกับทำธุรกิจมันจะต้องมีคนหลายๆ ด้านมาทำงานร่วมกันประมาณนั้นแหละ ส่วนผลตอบแทนสำหรับ A.I-NET นี้ หากมีขึ้นก็ให้มูนจัดการจัดสรรในแบบของ Wealth Game ((มาสมัครชื่อเรา อะไรจะเชื่อใจกันขนาดน้านนนน))

แต่ก็นะ เราก็งงว่ามันต่างกันยังไงระหว่างสมัครโค๊ดเดียวกับสองโค๊ด(ในความคิดของพี่เปี๊ยก) พี่เปี๊ยกบอกว่าถ้าสมัครสองโค๊ดนั้นคือเน้นที่จะทำเพื่อเอาเงิน แต่ถ้าสมัครโค๊ดเดียวจะเป็นการเล่นเกม....ไอ้เราก็ยังงงกะคำตอบนั้นมาจนตอนนี้ว่ามันหมายความว่ายังไงหว่า แต่ก็เอาก็เอาวะ ท่าทางสนุกดี เอิ๊กกกกกกกกกก



พอตกดึก ออนเอ็มกัน พี่เปี๊ยกไอเดียบรรเจิดมาก คิดถึงการตลาดภายในประเทศด้วยว่าน่าจะทำอย่างไรบ้าง ก็เล่าๆ ให้มูนฟังแล้วก็เล่าไปถึงว่าจะไปหาเกษตรกรโดยตรงเลยดีมั้ย มูนก็ว่า....ไว้จะวาดผังให้ดูนะ....พี่เปี๊ยกก็โอเคๆๆ ไว้ดูโครงสร้างที่มูนคิดไว้ในหัวก่อนเพื่อไปประำกอบการตัดสินใจร่วมกันอีกทีหนึ่ง


การให้เกียรติ ยอมรับ เสริมในจุดเด่นและเข้าใจในจุดด้อยของกันและกัน รู้ว่าไม่มีใครเ่ก่งไปทุกอย่าง ไม่มีใครเก่งไปทุกด้าน แต่จะทำอย่างไรที่จะนำส่วนที่ดีและถนัดของแต่ละคนมาทำให้เกิดประโยชน์ นั่นคือ อีกส่วนสำคัญสำหรับคำว่า " TEAM "


วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

28/1/53 ค่าตอบแทนแจง

พี่เปี๊ยกโทรหามูนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจว่า "ต้นโทรมา ไม่น่าเชื่อว่าต้นจะโทรมา 555"

ไอ้เราก็งงว่าทำไมต้องดีใจขนาดนั้น พี่เปี๊ยกเลยบอกว่าปกติพี่เปี๊ยกจะต้องโทรหาต้นก่อนไง แล้วนี่ต้นโทรมาเองเลยก็เลยดีใจๆๆ แล้วก็ว่างานของต้นเค้าก็ยุ่งมากด้วย

ต้นโทรมาคุยเรื่องแจงที่ให้ออกแบบเพ็คเกจใหม่ แล้วมีย้ำอีกทีว่าเรื่องนี่ถ้าไม่ใช่พี่เปี๊ยกนะ เค้าไม่ทำให้หรอกนะเนี่ย 5555

ทีนี้เมื่อแจงทำให้พวกเราก็ควรจะมีอะไรตอบแทนน้ำใจแจงซะหน่อย พี่เปี๊ยกจึงถามต้นว่าควรตอบแทนเป็นอะไรดี เงินหรือของหรืออะไรดี ต้นก็ว่าไม่ต้องอะไรมากหรอก เอาแค่เลี้ยงข้าวแจงสักมื้อก็พอ....แต่ขอเป็นประมาณอาหารมื้อดึกๆ ในร้านสลัวๆ นะ 5555...พี่เปี๊ยกบอกฟังแล้วชอบใจจริงๆๆ ส่วนที่ว่าพี่แกชอบใจยังไงก็คงให้พี่เปี๊ยกมาตอบเองดีกว่า ((โยน...ให้ล่ะ เอิ๊กกกกก))


ปล.ถ้าได้ไปกันจริง เงินตรงนี้ก็ไปใส่เป็นค่าใช้จ่าย โดยให้ทีมลงเงินออกไปก่อนละกันตามเงื่อนไขที่เคยคุยไว้ข้างต้น



อ๋อ อีกเรื่องที่ได้คุยวันนั้น มูนถามพี่เปี๊ยกว่าแล้วเมื่อไหร่จึงจะไปคุยกับนัฎ(ผู้ผลิต) พี่เปี๊ยกบอกว่า..."เราต้องสร้างบ้านตัวเองให้แข็งแรงก่อนค่อยออกไปข้างนอก ทีมงานต้องเป็นทีมเดียวกันก่อนค่อยไปหานัฎ หากนอกบ้านแข็งแรง แต่ในบ้านไม่แข็งแรงมันไม่มีประโยชน์"...ได้ฟังพี่เปี๊ยกแบบนี้มูนก็ได้แต่ฟังไปยิ้มไป เห็นด้วยๆๆ :)

วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

25/1/53 วิเคราะห์ด้านตลาดและตั้งชื่อโครงการ

มูนกับพี่เปี๊ยกนัดเจอกันที่บิ๊กซีสะพานใหม่ เพื่อดูตัวอย่างข้าวกล้องเพาะงอกทั้งสามชนิด (พี่เปี๊ยกจ่ายเงินค่าตัวอย่างสินค้าเพิ่มอีก 225 บาท ให้จัดไว้ในทีมลงเงิน) พร้อมกันนี้มูนให้พี่เปี๊ยกดูบันทึกไดอารี่เกี่ยวกับโครงการนี้เพื่อว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคตได้ แล้วเสนอความเห็นว่าจะเปิดบล็อคเพื่อบันทึกไดอารี่เรื่องนี้แล้วช่วยกันเขียนในสิ่งที่ตัวเองรู้และช่วยกันถามในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ ซึ่งมองแล้วว่าไดอารี่นี้น่าจะเป็นประโยชน์ได้แน่ๆ ในอนาคต

พี่เปี๊ยกอ่านดูแล้วเห็นว่ามูนตกหล่นในบางเรื่องที่พี่เปี๊ยกไปคุยกับต้น จึงบันทึกเพิ่มเติมให้ดังนี้ (วันนั้นพี่เปี๊ยกไม่ได้เอาแว่นสายตายาวไปด้วย แต่ก็ยังพยายามเขียนให้ ตอนแรกบอกว่าไม่รู้จะเขียนอะไร พออ่านจบพี่แกเขียนซะยาวจริงๆ เขียนแบบเบลอๆ นั่นแหละ 555)


(ด้านล่างนี้ขอคัดลอกสิ่งที่พี่เปี๊ยกได้เขียนบันทึกไว้)

Brand : หลังจากที่ได้คุยกับต้น วิเคราะห์สินค้าแบะยี่ห้อ อารมณ์ดี

Brand “ข้าวอารมณ์ดี

ข้อดี

1. ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการออกแบบ

2. สามารถ contact อยู่ในจุดของ Marketing ได้ชัดเจน

ข้อเสีย

1. การสร้าง Brand ใหม่ไม่เกิดขึ้น

2. Package ไม่ทัน Trend

3. Fix ผลตอบแทน


Brand “ใหม่

ข้อดี

1. สร้าง Image สินค้าโดยการ Promotion

2. สร้างกลไกราคาขึ้นมาได้โดยทีมใหม่ ผลตอบแทน

ข้อเสีย

1. Stock ของ Package แต่ละประเภทจะต้องมี minimum ในการสั่ง

2. การลงทุนเป็นเงินก้อนใหญ่

ข้อสรุป : หากการเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ พี่เปี๊ยกพยายามนำ Wealth Pattern ของต้นมาทำทีมเพื่อการนำสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศ เนื่องจากต้นทำงานด้านการตลาดเน้นตลาดตะวันออกกลางและที่สำคัญที่สุดคือ ธุรกิจสินค้า เป็นสินค้าที่ต้นเชี่ยวชาญอยู่

Wealth Game ที่เราสัมผัสแต่เพียงผิวๆ ด้วยความสามารถถ่ายทอดที่มีน้อยกว่า moon อาจทำให้พี่เปี๊ยกยังไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ถ่ายทอดสู่ต้นจนสามารถทำให้ต้นพูดคำว่า สนุก ต้นรู้สึกสนุกกับงานตรงนี้ นี่ต่างหากล่ะคือความรู้สึกสำเร็จที่เกินความคาดหมายในใจของพี่เปี๊ยก J

ต้นดูจะสนใจและให้ความสำคัญกับ Brand มากแบบออกหน้าออกตา ต้นตั้งคำถามกับงานชิ้นที่สนุกนี้ว่า

1. วัตถุดิบ (คือสินค้าข้าว) หากตลาดมีการสั่งซื้อที่เป็นจำนวนต่อ Lot มาก จะสามารถ Support ได้หรือไม่?

2. Pack 1 kg. : 1 ชิ้นสินค้า หากลูกค้าต้องการให้ Pack เป็นกระสอบเพื่อสะดวกในการจัดส่งสินค้าได้หรือไม่?

3. Packaging *เป็นภาษาไทย** มีความจำเป็นอย่างมากที่สุดที่จะต้องเป็นภาษาอังกฤษเพราะลูกค้าจะเข้าใจสินค้าและเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าในต่างประเทศ ทางผู้ผลิตสามารถ Support จุดนี้ได้หรือไม่?

4. การจัดทำตัวอย่างให้ลูกค้าต่างประเทศ ค่าจัดส่ง ตัวอย่างสินค้า ทางผู้ผลิตควรมีการจัด Project ตรงนี้ให้ชัดเจน เนื่องจากทีมเราจะยืนอยู่ในจุด “Marketing” ซึ่งตรงกับโลกใบที่สองเราจะเป็นผู้ยืนดูอยู่นอกกรอบเพื่อ Control และปรับเปลี่ยนกระบวนการได้ทันท่วงที หากเกิดปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาจเกิดปัญาได้โดยให้กลไกทางการตลาดเป็นตัวเดินเรื่องของปัจจัยภายนอกและการ Contact กับผู้ประสานด้านต่างๆ อย่างเป็น ระบบ

5. ต้นถามถึงผลตอบแทน ซึ่งต้นยืนยันว่า ความสนุกและผลที่ต้องการได้รับจริงๆ คือการเริ่มต้นทำธุรกิจจากนามธรรมให้เป็นรูปธรรมอยู่บนพื้นฐานของความ ไม่เอารัดเอาเปรียบ และ ไม่ยึดติดกับผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน

ไม่ว่าผลของการทำธุรกิจนี้จะออกมาเป็นอย่างไร สิ่งที่เราได้รับอย่างแน่นอนคือ ความสุข ความภาคภูมิใจที่ได้ทำให้สังคมและคนในสังคมได้รับผลดีจากการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่เรานำสู่ตลาด

เปี๊ยก:)

หลังจากพี่เปี๊ยกบันทึกเสร็จ จึงได้คุยกันต่อถึงเรื่องชื่อโครงการว่าจะใช้ชื่ออะไรดี มูนเสนอคือที่เป็นตัวอักษรย่อของผู้ร่วมโครงการ ส่วนพี่เปี๊ยกเสนอชื่อ First Step พร้อมกับให้ความหมายไว้ด้วยว่าหมายถึงก้าวแรกของการได้เล่น wealth game ก้าวแรกของการเริ่มทำธุรกิจ ก้าวแรกของมิตรภาพที่ได้รู้จักกัน (และอีกหลายความหมายที่เราจำไม่ได้คงต้องให้พี่เปี๊ยกมาต่ออีกทีหนึ่ง) ดังนั้นจึงสรุปกันตรงที่ใช้ชื่อโครงการนี้ว่า First Step

24/1/53 เกริ่นขอตัวอย่างสินค้า

มูนได้เกริ่นกับน้องชายกรณีที่วางตำแหน่งของทีมเป็นทีมขายให้กับนัฏ(ผู้ผลิตในนามวิสาหกิจชุมชน) โดยจะขอตัวอย่างสินค้าบางส่วนเพื่อทำตลาด ให้น้องชายพูดกับนัฏเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับทีมงาน ซึ่งน้องชายก็บอกว่านัฏเองก็เคยบอกว่ามีสินค้าตัวอย่างให้ทีมขายเหมือนกัน แล้วจะช่วยคุยให้อีกทีหนึ่ง

22/1/53 พี่เปี๊ยกปรับจูนความคิดกับต้นให้ตรงกัน

พี่เปี๊ยกนัดเจอต้นที่ The Mall บางแคเพื่อคุยเรื่องการทำตลาดต่างประเทศ(ที่ต้นทำอยู่)ว่าสามารถเป็นไปได้ไหม พร้อมกับจูนความคิดและทัศนคติให้ตรงกันเกี่ยวกับการทำโครงการให้รู้สึกสนุกแบบ Wealth Game ให้มองเหมือนเล่นเกมดูว่าพวกเราจะสามารถทำได้หรือไม่ พวกเราจะสามารถสร้างธุรกิจจากตรงนี้ได้หรือไม่

จริงๆ แล้ว Wealth Game มันก็คล้ายๆ กับการเล่นเกมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมบนกระดานหรือเกมกีฬาทั่วไปทุกเกมล้วนมีกฎ กติกา มารยาทในแต่ละเกม เวลาที่เราเล่นเกมเราจะมองเกมทั้งกระดานทั้งสนาม แล้วคิดว่าจะเดินเบี้ยตัวไหน จะวางหมากอย่างไรจึงจะสามารถมีคะแนนนำคู่แข่งขันได้ เรามองเกม เราเล่นเกม เราคือผู้เล่น ไม่ใช่เบี้ยหรือผู้ถูกเล่น

ใน Wealth Game ก็จะมองคล้ายๆ กัน เพียงแต่กระดานของ wealth game นั้นคือโลกที่เรายืนอยู่เป็นการเล่นเกมในชีวิตจริง โดยในเกมนี้เราจะเป็นผู้เล่นเกมและรวมถึงอาจจะเป็นผู้ถูกเล่น(โดยตัวเราเอง)ไปพร้อมๆ กันก็ได้ กฎ กติกา มารยาทของ wealth game ก็คือกฎ กติกาที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น หากมีการเดินในแต่ละก้าวของเกมนั้นคือการก้าวเดินจริงๆ หากมีการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์นั่นคือการซื้อ-ขายจริงๆ หากมีการนำเงินฝากเข้าธนาคารนั่นคือมีการนำเงินเข้าธนาคารจริงๆ หากมีการเสียค่าปรับนั่นคือเสียค่าปรับจริงๆ เพียงแต่มุมมองของผู้เล่น wealth game นั้นจะมองกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกเหมือนกับได้เล่นเกมอยู่บนกระดานเกมๆ หนึ่ง ไม่เอาตัวเองเข้าไปยึดติดในตัวเกม จึงสามารถมองทุกอย่างได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลตามที่ควรจะเป็นได้มากขึ้น


กฎ กติกา มารยาทของ Wealth Game

1. สนุกสนาน

2. ใช้กฏเกณฑ์เดียวกับโลกของการลงทุนจริงๆ ทุกอย่าง

Wealth-Society.Com

การเล่น wealth game สำหรับโครงการนี้ เราจะมองธุรกิจข้าวชงสมมติเหมือนกับเกมกระดานสักเกมหนึ่ง เราจะมองมันจากมุมภาพนอก มองภาพรวม มองภาพกว้างของเกมทั้งกระดาน พยายามคิด หาข้อเท็จจริงวางแผน ลงมือทำ และประเมินผลที่ได้เพื่อหาข้อเท็จจริงเพิ่มเพื่อวางแผนงานต่อไป วนไปเรื่อยๆ ตามวงจรแห่งเหตุและผล



เมื่อเราคิด วางแผนจากข้อเท็จจริงที่มีอยู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ดำเนินตามแผนการที่วางไว้นั้นโดยอาจจะเป็นเพียงผู้วางแผนหรืออาจจะกระโดดลงไปเป็นตัวเล่นในเกมด้วยก็ได้เช่น ไปเล่นอยู่ในทีมลงเงิน ไปเล่นอยู่ในทีมดำเนินการ หรือไปเล่นอยู่ในทีมวางระบบ บางคนเล่นเพียง 1 ทีม แต่บางคนก็เล่นได้ทั้ง 3 ทีม โดยที่คน 1 คนจะอยู่กี่ทีมก็ได้เพราะเขาสามารถเล่นได้ทุกทีมตามความความสามารถ ความชอบ ความถนัดของเขา หรือเรียกได้ว่าตาม Self Wealth Pattern ของแต่ละคน

มุมมองจากโลกใบที่หนึ่ง

ในโลกใบที่หนึ่ง เมื่อเราคิดจะทำธุรกิจขึ้นมาสักธุรกิจหนึ่ง ส่วนมากก็มักจะคิดหรือมองจากมุมที่ตัวเองอยู่ในธุรกิจนั้นๆ มองจากตัวเองออกไปให้รอบตัว ซึ่งเป็นมุมมองที่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเกมหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นตัวเดินหรือเบี้ยตัวหนึ่งในกระดานของเกมธุรกิจ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆที่มีผลกระทบต่อธุรกิจไม่ว่าจะด้านดีหรือร้าย ตัวเบี้ยในกระดานก็จะโดนผลกระทบนั้นๆ ไปด้วยเช่นกัน

มุมมองจากโลกใบที่สอง

ส่วนมุมมองจากโลกอีกใบหนึ่งจะมองตัวเราเองอยู่นอกเกมเหมือนมองอยู่อยู่เหนือกระดานเกม จะมอง คิด วิเคราะห์ วางแผน วางหมากในการเดิน เรียกว่าพยายามมองทุกสิ่งอย่างที่เป็นเหตุเป็นผล จากนั้นก็ทำตามแผนที่วางไว้(วงจรแห่งเหตุและผล)โดยที่คนวางแผนนั้นจะโดดลงไปร่วมเล่นในกระดานหรือในธุรกิจก็ได้ การมองลักษณะนี้เป็นการมองที่เอาตัวเราออกมาจากธุรกิจ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆ ที่มีผลกระทบต่อธุรกิจไม่ว่าจะด้านดีหรือร้ายตัวเราก็จะไม่รู้สึกดีใจจนเกินเหตุหรือเสียใจจนเกินไป เพราะเรามองเห็นตั้งแต่แรกเริ่มวางแผนแล้วว่าผลมันอาจจะออกมาได้ในทางใดบ้าง ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเราก็มีแผนที่จะออกจากเกม (แผนทางออก) เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เรียกว่าสมมติว่าธุรกิจไม่สามารถเดินต่อได้ผู้เล่นก็จะรู้สึกได้ถึงการจบการเล่นเกมนี้ และอาจจะเล่นเกมอื่นต่ออย่างสนุกสนานต่อไป

การทำธุรกิจโดยมีมุมมองจากโลกใบที่สองที่มองและรู้สึกเหมือนกับการได้เล่นเกม ทำให้รู้สึกได้ถึงการพัฒนาฝีมือเมื่อผ่านด่านแต่ละด่าน โดยจะมองดูคะแนน(เงิน) เหมือนกับตัวชี้วัดความสามารถในแต่ละด่าน เมื่อความเข้าใจมากขึ้นๆๆ ผู้เล่นจะไม่ยึดติดในตัวเงิน ไม่ยึดติดในเกม ไม่ยึดติดในธุรกิจมองมันในแบบที่มันเป็นจริงๆ ตามเหตุและผลไม่ใช่มองมันแบบที่ใจเราอยากให้เป็น(เหมือนกับการมองในโลกใบที่หนึ่ง)

เรามักจะเห็นคนที่ร่ำรวยมากๆ เรียกว่าใช้จนชั่วลูกชั่วหลานก็ยังไม่หมด แต่ทำไมเค้าถึงยังทำงานหนักและยังรู้สึกสดชื่นแจ่มใสอยู่ นั่นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้สึกว่าพวกเขาทำงานเลย แต่พวกเขารู้สึกสนุกที่ได้เล่นเกมต่างหาก (ความลับที่ไปรู้มาเลยนะนี่)

สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งในการเล่นWealth Game นั้นคือ "หลัก 4x3" ซึ่งเป็นหลักที่รวมทุกอย่างของชีวิตและการลงทุน ด้วยหลัก 4x3 ในการเล่นเกมนั้นจะทำให้ผู้เล่นเกมสามารถเล่นเกมได้อย่างมีสติ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ได้เรียนรู้จากทุกสิ่ง ได้ค้นพบอิสรภาพที่แท้จริงของชีวิต เสมือนหนึ่งว่าเกมธุรกิจนี้เป็นเครื่องมือตัวหนึ่งเพื่อให้เราได้เรียนรู้ ได้พัฒนาตัวเองจนเราสามารถที่จะรู้ได้ถึงสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ในชีวิต

ดังนั้นในการเล่น Wealth Gameด้วยการใช้หลัก 4x3 ไปพร้อมๆ กันสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ คนสร้างงานและงานสร้างคนไปพร้อมๆ กัน




ภาพรวมและความรู้สึกคร่าวๆ ของการเล่น wealth game ที่พี่เปี๊ยกได้ใส่ให้ต้นไป ทำให้ต้นเริ่มรู้สึกถึงความสนุกในการลองเริ่มต้นทำธุรกิจข้าวชง รู้สึกสนุกที่ได้มองเห็นความเป็นไป การก่อร่างสร้างตัวของธุรกิจว่ามันจะสามารถเป็นไปได้แค่ไหน อย่างไร

ต้นนำสินค้าตัวอย่างกลับไปเพื่อให้ แจง ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแพ็คเกจให้ออกแบบแพ็คเกจใหม่เพราะจากประสบการณ์ของต้นที่คร่ำหวอดในวงการขายมานาน มองเห็นว่าแพ็คเกจแบบนี้สามารถปลอมได้ง่ายและมันยังทำให้มูลค่าของสินค้าน้อยกว่าที่ควรจะเป็นอีกด้วย ต้นเริ่มรู้สึกสนุกแล้วล่ะ

องค์ประกอบที่สำคัญข้อหนึ่งของ Wealth Game คือต้องรู้สึก สนุก ในการเล่นเกม

Wealth-Society.Com