วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2553

25/1/53 วิเคราะห์ด้านตลาดและตั้งชื่อโครงการ

มูนกับพี่เปี๊ยกนัดเจอกันที่บิ๊กซีสะพานใหม่ เพื่อดูตัวอย่างข้าวกล้องเพาะงอกทั้งสามชนิด (พี่เปี๊ยกจ่ายเงินค่าตัวอย่างสินค้าเพิ่มอีก 225 บาท ให้จัดไว้ในทีมลงเงิน) พร้อมกันนี้มูนให้พี่เปี๊ยกดูบันทึกไดอารี่เกี่ยวกับโครงการนี้เพื่อว่าอาจจะเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคตได้ แล้วเสนอความเห็นว่าจะเปิดบล็อคเพื่อบันทึกไดอารี่เรื่องนี้แล้วช่วยกันเขียนในสิ่งที่ตัวเองรู้และช่วยกันถามในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ ซึ่งมองแล้วว่าไดอารี่นี้น่าจะเป็นประโยชน์ได้แน่ๆ ในอนาคต

พี่เปี๊ยกอ่านดูแล้วเห็นว่ามูนตกหล่นในบางเรื่องที่พี่เปี๊ยกไปคุยกับต้น จึงบันทึกเพิ่มเติมให้ดังนี้ (วันนั้นพี่เปี๊ยกไม่ได้เอาแว่นสายตายาวไปด้วย แต่ก็ยังพยายามเขียนให้ ตอนแรกบอกว่าไม่รู้จะเขียนอะไร พออ่านจบพี่แกเขียนซะยาวจริงๆ เขียนแบบเบลอๆ นั่นแหละ 555)


(ด้านล่างนี้ขอคัดลอกสิ่งที่พี่เปี๊ยกได้เขียนบันทึกไว้)

Brand : หลังจากที่ได้คุยกับต้น วิเคราะห์สินค้าแบะยี่ห้อ อารมณ์ดี

Brand “ข้าวอารมณ์ดี

ข้อดี

1. ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในการออกแบบ

2. สามารถ contact อยู่ในจุดของ Marketing ได้ชัดเจน

ข้อเสีย

1. การสร้าง Brand ใหม่ไม่เกิดขึ้น

2. Package ไม่ทัน Trend

3. Fix ผลตอบแทน


Brand “ใหม่

ข้อดี

1. สร้าง Image สินค้าโดยการ Promotion

2. สร้างกลไกราคาขึ้นมาได้โดยทีมใหม่ ผลตอบแทน

ข้อเสีย

1. Stock ของ Package แต่ละประเภทจะต้องมี minimum ในการสั่ง

2. การลงทุนเป็นเงินก้อนใหญ่

ข้อสรุป : หากการเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ พี่เปี๊ยกพยายามนำ Wealth Pattern ของต้นมาทำทีมเพื่อการนำสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศ เนื่องจากต้นทำงานด้านการตลาดเน้นตลาดตะวันออกกลางและที่สำคัญที่สุดคือ ธุรกิจสินค้า เป็นสินค้าที่ต้นเชี่ยวชาญอยู่

Wealth Game ที่เราสัมผัสแต่เพียงผิวๆ ด้วยความสามารถถ่ายทอดที่มีน้อยกว่า moon อาจทำให้พี่เปี๊ยกยังไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ถ่ายทอดสู่ต้นจนสามารถทำให้ต้นพูดคำว่า สนุก ต้นรู้สึกสนุกกับงานตรงนี้ นี่ต่างหากล่ะคือความรู้สึกสำเร็จที่เกินความคาดหมายในใจของพี่เปี๊ยก J

ต้นดูจะสนใจและให้ความสำคัญกับ Brand มากแบบออกหน้าออกตา ต้นตั้งคำถามกับงานชิ้นที่สนุกนี้ว่า

1. วัตถุดิบ (คือสินค้าข้าว) หากตลาดมีการสั่งซื้อที่เป็นจำนวนต่อ Lot มาก จะสามารถ Support ได้หรือไม่?

2. Pack 1 kg. : 1 ชิ้นสินค้า หากลูกค้าต้องการให้ Pack เป็นกระสอบเพื่อสะดวกในการจัดส่งสินค้าได้หรือไม่?

3. Packaging *เป็นภาษาไทย** มีความจำเป็นอย่างมากที่สุดที่จะต้องเป็นภาษาอังกฤษเพราะลูกค้าจะเข้าใจสินค้าและเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าในต่างประเทศ ทางผู้ผลิตสามารถ Support จุดนี้ได้หรือไม่?

4. การจัดทำตัวอย่างให้ลูกค้าต่างประเทศ ค่าจัดส่ง ตัวอย่างสินค้า ทางผู้ผลิตควรมีการจัด Project ตรงนี้ให้ชัดเจน เนื่องจากทีมเราจะยืนอยู่ในจุด “Marketing” ซึ่งตรงกับโลกใบที่สองเราจะเป็นผู้ยืนดูอยู่นอกกรอบเพื่อ Control และปรับเปลี่ยนกระบวนการได้ทันท่วงที หากเกิดปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาจเกิดปัญาได้โดยให้กลไกทางการตลาดเป็นตัวเดินเรื่องของปัจจัยภายนอกและการ Contact กับผู้ประสานด้านต่างๆ อย่างเป็น ระบบ

5. ต้นถามถึงผลตอบแทน ซึ่งต้นยืนยันว่า ความสนุกและผลที่ต้องการได้รับจริงๆ คือการเริ่มต้นทำธุรกิจจากนามธรรมให้เป็นรูปธรรมอยู่บนพื้นฐานของความ ไม่เอารัดเอาเปรียบ และ ไม่ยึดติดกับผลตอบแทนที่เป็นตัวเงิน

ไม่ว่าผลของการทำธุรกิจนี้จะออกมาเป็นอย่างไร สิ่งที่เราได้รับอย่างแน่นอนคือ ความสุข ความภาคภูมิใจที่ได้ทำให้สังคมและคนในสังคมได้รับผลดีจากการรับประทานผลิตภัณฑ์ที่เรานำสู่ตลาด

เปี๊ยก:)

หลังจากพี่เปี๊ยกบันทึกเสร็จ จึงได้คุยกันต่อถึงเรื่องชื่อโครงการว่าจะใช้ชื่ออะไรดี มูนเสนอคือที่เป็นตัวอักษรย่อของผู้ร่วมโครงการ ส่วนพี่เปี๊ยกเสนอชื่อ First Step พร้อมกับให้ความหมายไว้ด้วยว่าหมายถึงก้าวแรกของการได้เล่น wealth game ก้าวแรกของการเริ่มทำธุรกิจ ก้าวแรกของมิตรภาพที่ได้รู้จักกัน (และอีกหลายความหมายที่เราจำไม่ได้คงต้องให้พี่เปี๊ยกมาต่ออีกทีหนึ่ง) ดังนั้นจึงสรุปกันตรงที่ใช้ชื่อโครงการนี้ว่า First Step

24/1/53 เกริ่นขอตัวอย่างสินค้า

มูนได้เกริ่นกับน้องชายกรณีที่วางตำแหน่งของทีมเป็นทีมขายให้กับนัฏ(ผู้ผลิตในนามวิสาหกิจชุมชน) โดยจะขอตัวอย่างสินค้าบางส่วนเพื่อทำตลาด ให้น้องชายพูดกับนัฏเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับทีมงาน ซึ่งน้องชายก็บอกว่านัฏเองก็เคยบอกว่ามีสินค้าตัวอย่างให้ทีมขายเหมือนกัน แล้วจะช่วยคุยให้อีกทีหนึ่ง

22/1/53 พี่เปี๊ยกปรับจูนความคิดกับต้นให้ตรงกัน

พี่เปี๊ยกนัดเจอต้นที่ The Mall บางแคเพื่อคุยเรื่องการทำตลาดต่างประเทศ(ที่ต้นทำอยู่)ว่าสามารถเป็นไปได้ไหม พร้อมกับจูนความคิดและทัศนคติให้ตรงกันเกี่ยวกับการทำโครงการให้รู้สึกสนุกแบบ Wealth Game ให้มองเหมือนเล่นเกมดูว่าพวกเราจะสามารถทำได้หรือไม่ พวกเราจะสามารถสร้างธุรกิจจากตรงนี้ได้หรือไม่

จริงๆ แล้ว Wealth Game มันก็คล้ายๆ กับการเล่นเกมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกมบนกระดานหรือเกมกีฬาทั่วไปทุกเกมล้วนมีกฎ กติกา มารยาทในแต่ละเกม เวลาที่เราเล่นเกมเราจะมองเกมทั้งกระดานทั้งสนาม แล้วคิดว่าจะเดินเบี้ยตัวไหน จะวางหมากอย่างไรจึงจะสามารถมีคะแนนนำคู่แข่งขันได้ เรามองเกม เราเล่นเกม เราคือผู้เล่น ไม่ใช่เบี้ยหรือผู้ถูกเล่น

ใน Wealth Game ก็จะมองคล้ายๆ กัน เพียงแต่กระดานของ wealth game นั้นคือโลกที่เรายืนอยู่เป็นการเล่นเกมในชีวิตจริง โดยในเกมนี้เราจะเป็นผู้เล่นเกมและรวมถึงอาจจะเป็นผู้ถูกเล่น(โดยตัวเราเอง)ไปพร้อมๆ กันก็ได้ กฎ กติกา มารยาทของ wealth game ก็คือกฎ กติกาที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น หากมีการเดินในแต่ละก้าวของเกมนั้นคือการก้าวเดินจริงๆ หากมีการซื้อ-ขายอสังหาริมทรัพย์นั่นคือการซื้อ-ขายจริงๆ หากมีการนำเงินฝากเข้าธนาคารนั่นคือมีการนำเงินเข้าธนาคารจริงๆ หากมีการเสียค่าปรับนั่นคือเสียค่าปรับจริงๆ เพียงแต่มุมมองของผู้เล่น wealth game นั้นจะมองกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยความรู้สึกเหมือนกับได้เล่นเกมอยู่บนกระดานเกมๆ หนึ่ง ไม่เอาตัวเองเข้าไปยึดติดในตัวเกม จึงสามารถมองทุกอย่างได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลตามที่ควรจะเป็นได้มากขึ้น


กฎ กติกา มารยาทของ Wealth Game

1. สนุกสนาน

2. ใช้กฏเกณฑ์เดียวกับโลกของการลงทุนจริงๆ ทุกอย่าง

Wealth-Society.Com

การเล่น wealth game สำหรับโครงการนี้ เราจะมองธุรกิจข้าวชงสมมติเหมือนกับเกมกระดานสักเกมหนึ่ง เราจะมองมันจากมุมภาพนอก มองภาพรวม มองภาพกว้างของเกมทั้งกระดาน พยายามคิด หาข้อเท็จจริงวางแผน ลงมือทำ และประเมินผลที่ได้เพื่อหาข้อเท็จจริงเพิ่มเพื่อวางแผนงานต่อไป วนไปเรื่อยๆ ตามวงจรแห่งเหตุและผล



เมื่อเราคิด วางแผนจากข้อเท็จจริงที่มีอยู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็ดำเนินตามแผนการที่วางไว้นั้นโดยอาจจะเป็นเพียงผู้วางแผนหรืออาจจะกระโดดลงไปเป็นตัวเล่นในเกมด้วยก็ได้เช่น ไปเล่นอยู่ในทีมลงเงิน ไปเล่นอยู่ในทีมดำเนินการ หรือไปเล่นอยู่ในทีมวางระบบ บางคนเล่นเพียง 1 ทีม แต่บางคนก็เล่นได้ทั้ง 3 ทีม โดยที่คน 1 คนจะอยู่กี่ทีมก็ได้เพราะเขาสามารถเล่นได้ทุกทีมตามความความสามารถ ความชอบ ความถนัดของเขา หรือเรียกได้ว่าตาม Self Wealth Pattern ของแต่ละคน

มุมมองจากโลกใบที่หนึ่ง

ในโลกใบที่หนึ่ง เมื่อเราคิดจะทำธุรกิจขึ้นมาสักธุรกิจหนึ่ง ส่วนมากก็มักจะคิดหรือมองจากมุมที่ตัวเองอยู่ในธุรกิจนั้นๆ มองจากตัวเองออกไปให้รอบตัว ซึ่งเป็นมุมมองที่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเกมหรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นตัวเดินหรือเบี้ยตัวหนึ่งในกระดานของเกมธุรกิจ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆที่มีผลกระทบต่อธุรกิจไม่ว่าจะด้านดีหรือร้าย ตัวเบี้ยในกระดานก็จะโดนผลกระทบนั้นๆ ไปด้วยเช่นกัน

มุมมองจากโลกใบที่สอง

ส่วนมุมมองจากโลกอีกใบหนึ่งจะมองตัวเราเองอยู่นอกเกมเหมือนมองอยู่อยู่เหนือกระดานเกม จะมอง คิด วิเคราะห์ วางแผน วางหมากในการเดิน เรียกว่าพยายามมองทุกสิ่งอย่างที่เป็นเหตุเป็นผล จากนั้นก็ทำตามแผนที่วางไว้(วงจรแห่งเหตุและผล)โดยที่คนวางแผนนั้นจะโดดลงไปร่วมเล่นในกระดานหรือในธุรกิจก็ได้ การมองลักษณะนี้เป็นการมองที่เอาตัวเราออกมาจากธุรกิจ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ใดๆ ที่มีผลกระทบต่อธุรกิจไม่ว่าจะด้านดีหรือร้ายตัวเราก็จะไม่รู้สึกดีใจจนเกินเหตุหรือเสียใจจนเกินไป เพราะเรามองเห็นตั้งแต่แรกเริ่มวางแผนแล้วว่าผลมันอาจจะออกมาได้ในทางใดบ้าง ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดเราก็มีแผนที่จะออกจากเกม (แผนทางออก) เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เรียกว่าสมมติว่าธุรกิจไม่สามารถเดินต่อได้ผู้เล่นก็จะรู้สึกได้ถึงการจบการเล่นเกมนี้ และอาจจะเล่นเกมอื่นต่ออย่างสนุกสนานต่อไป

การทำธุรกิจโดยมีมุมมองจากโลกใบที่สองที่มองและรู้สึกเหมือนกับการได้เล่นเกม ทำให้รู้สึกได้ถึงการพัฒนาฝีมือเมื่อผ่านด่านแต่ละด่าน โดยจะมองดูคะแนน(เงิน) เหมือนกับตัวชี้วัดความสามารถในแต่ละด่าน เมื่อความเข้าใจมากขึ้นๆๆ ผู้เล่นจะไม่ยึดติดในตัวเงิน ไม่ยึดติดในเกม ไม่ยึดติดในธุรกิจมองมันในแบบที่มันเป็นจริงๆ ตามเหตุและผลไม่ใช่มองมันแบบที่ใจเราอยากให้เป็น(เหมือนกับการมองในโลกใบที่หนึ่ง)

เรามักจะเห็นคนที่ร่ำรวยมากๆ เรียกว่าใช้จนชั่วลูกชั่วหลานก็ยังไม่หมด แต่ทำไมเค้าถึงยังทำงานหนักและยังรู้สึกสดชื่นแจ่มใสอยู่ นั่นเพราะพวกเขาไม่เคยรู้สึกว่าพวกเขาทำงานเลย แต่พวกเขารู้สึกสนุกที่ได้เล่นเกมต่างหาก (ความลับที่ไปรู้มาเลยนะนี่)

สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งในการเล่นWealth Game นั้นคือ "หลัก 4x3" ซึ่งเป็นหลักที่รวมทุกอย่างของชีวิตและการลงทุน ด้วยหลัก 4x3 ในการเล่นเกมนั้นจะทำให้ผู้เล่นเกมสามารถเล่นเกมได้อย่างมีสติ มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ได้เรียนรู้จากทุกสิ่ง ได้ค้นพบอิสรภาพที่แท้จริงของชีวิต เสมือนหนึ่งว่าเกมธุรกิจนี้เป็นเครื่องมือตัวหนึ่งเพื่อให้เราได้เรียนรู้ ได้พัฒนาตัวเองจนเราสามารถที่จะรู้ได้ถึงสิ่งที่เราต้องการจริงๆ ในชีวิต

ดังนั้นในการเล่น Wealth Gameด้วยการใช้หลัก 4x3 ไปพร้อมๆ กันสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ คนสร้างงานและงานสร้างคนไปพร้อมๆ กัน




ภาพรวมและความรู้สึกคร่าวๆ ของการเล่น wealth game ที่พี่เปี๊ยกได้ใส่ให้ต้นไป ทำให้ต้นเริ่มรู้สึกถึงความสนุกในการลองเริ่มต้นทำธุรกิจข้าวชง รู้สึกสนุกที่ได้มองเห็นความเป็นไป การก่อร่างสร้างตัวของธุรกิจว่ามันจะสามารถเป็นไปได้แค่ไหน อย่างไร

ต้นนำสินค้าตัวอย่างกลับไปเพื่อให้ แจง ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการออกแบบแพ็คเกจให้ออกแบบแพ็คเกจใหม่เพราะจากประสบการณ์ของต้นที่คร่ำหวอดในวงการขายมานาน มองเห็นว่าแพ็คเกจแบบนี้สามารถปลอมได้ง่ายและมันยังทำให้มูลค่าของสินค้าน้อยกว่าที่ควรจะเป็นอีกด้วย ต้นเริ่มรู้สึกสนุกแล้วล่ะ

องค์ประกอบที่สำคัญข้อหนึ่งของ Wealth Game คือต้องรู้สึก สนุก ในการเล่นเกม

Wealth-Society.Com


20/1/53 ส่งรายละเอียดสินค้า

พี่เปี๊ยกจะนัดเจอต้นในวันที่ 22/1/53 เพื่อคุยในรายละเอียด มูนหารายละเอียดของสินค้าส่งให้พี่เปี๊ยกอ่านก่อนเพื่อเป็นข้อมูลนำไปคุยกับต้นอีกทีหนึ่ง (แต่พี่เปี๊ยกฉลาดกว่านั้น พี่เปี๊ยกเล่น FW. เมลส่งต่อต้นไปเลยจะได้ไม่ต้องอ่านให้ละเอียดด้วยตนเอง 55555)

14/1/53 ส่งรูป

มูนส่งรูปตัวอย่างสินค้าให้พี่เปี๊ยก เพื่อจะได้ส่งต่อให้กับต้นอีกทีหนึ่ง

13/1/53 สินค้าตัวอย่าง

นัดพี่เปี๊ยกที่เซ็นทรัลลาดพร้าวเพื่อเอาสินค้าตัวอย่างของข้าวชงให้ดู (พร้อมกับไปเอารูปงานที่ขอนแก่นด้วย) พี่เปี๊ยกเลยซื้อสินค้าชุดนั้นไป (500 บาท) เพื่อจะนำไปลองเซอร์เวย์ตลาดดูว่ามันตลาดพอจะเป็นไปได้หรือไม่ พร้อมทั้งโทรหาต้นเพื่อปรึกษาตลาดต่างประเทศว่าพอจะมีลู่ทางมั้ย ดูแนวโน้มของตลาดว่าทำได้แค่ไหน เนื่องจากพี่เปี๊ยกมองว่าอยากทำตลาดแบบเป็นสินค้าล็อตใหญ่ ไม่อยากทำลักษณะขายปลีกทีละชิ้น

ต้องทำตลาดแบบใช้กลไกตลาดเป็นเครื่องมือ มิฉะนั้นจะเหนื่อยมาก พี่เปี๊ยก

เงินที่พี่เปี๊ยกออกไปสำหรับค่าสินค้าตัวอย่าง 500 บาท เงินก้อนนี้ให้อยู่ในส่วนของทีมลงเงิน หากต่อไปสามารถมีรายได้จากโครงการ ทีมลงเงินจะได้รับเงินคืน 2 เท่าสำหรับการลงเงินในส่วนนี้

11/1/53 จุดเริ่มต้นแบบฮาๆ

โครงการนี้เริ่มต้นจากการพูดคุยกันบนรถตู้ระหว่างเดินทางกลับจากไปทำบุญที่โรงเรียนบ้านบึงแก จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นการพูดคุยไปเรื่อยๆ สนุกๆ ว่ามีธุรกิจตัวไหนน่าลองทำบ้าง

ตอนแรกพี่เปี๊ยกอยากทำไอติมกะทิ โดยเอาโครงการที่มูนเคยทำไว้มาปัดฝุ่นใหม่ พี่เปี๊ยกอยากทำแต่มูนไม่อยากทำเพราะเคยทำมาก่อนแล้วพอรู้ปัญหาของมัน ส่วนพี่เปี๊ยกก็ว่าปัญหามีทางแก้เสมอ ก็เรียกว่าถกกันไปถกกันมาแลกเปลี่ยนมุมมองกันหลายอย่างเกี่ยวกับการจะนำโครงการนี้กลับมาทำใหม่ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปพี่เปี๊ยกจึงหันไปถามพี่ป้อมซึ่งนั่งฟังมาตลอดทางว่า จะทำไอติมดีมั้ย น่าทำมั้ย พี่ป้อมบอกว่า..ไม่น่าทำ แค่นั้นแหละเพียงแค่ 3 พยางค์เท่านั้นพี่เปี๊ยกจบเลยกะเรื่องไอติม (ฮา)

จากนั้นจึงพูดถึงสินค้าตัวอื่นๆ ว่าน่าจะเป็นอะไรได้บ้าง มีทั้งจะบินไปเซิ่นเจิ้น ประเทศจีนเพื่อนำเข้าสินค้าแล้วมาขายส่งอีกทีหนึ่ง(พี่เปี๊ยกรู้จักเพื่อนที่ทำอยู่ในลักษณะนี้มีช่องทางพอที่จะทำได้) และมูนก็พูดถึงจมูกข้าวกล้องเพาะงอกพร้อมชง (ข้างชง) เพราะน้องชายกำลังช่วยเพื่อนเขาทำตัวนี้อยู่ คุยรายละเอียดไปดูว่าอันไหนน่าสนใจและน่าจะเป็นไปได้บ้าง สักพักพี่เปี๊ยกก็หันไปถามพี่ป้อมว่าทำข้าวดีมั้ย พี่ป้อมตอบว่า...ดี เท่านั้นแหละคุยต่อได้ยาวเลย (ฮา) และนั่นคือจุดเริ่มต้นแบบฮาๆ ของโครงการ